อาศรมธรรมชาติ คือชุมชนเล็กๆ และศูนย์เรียนรู้ที่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เรื่องเพอมาคัลเจอร์(Permaculture) นิเวศวิทยาแนวลึก (Deep Ecology) การออกแบบวิถีชีวิตที่ยั่งยืนอย่างเป็นองค์รวม (Ecovillage Design Education) และหลักสูตรวิชาอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับความยั่งยืนและถีวีชีวิตและโลกทัศน์องค์รวม อาศรมธรรมชาติสร้างขึ้นบนพื้นที่ ๑๔ ไร่ในเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดอุดรและหนองคาย นอกจากเป็นศูนย์เรียนรู้ที่เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับบุคคลทั่วไปจากนานาชาติแล้ว พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นศูนย์ประสานหลักของเครือข่าย NextGEN Oceania & Asia ซึ่งเป็นเครือข่ายคนรุ่นใหม่ที่แสวงหาวิถีทางสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน
ความตั้งใจในการสร้างอาศรมธรรมชาติอีกประการหนึ่งคือ เพื่อสร้างชุมชนหรือสังฆะที่เกื้อหนุนการฝึกฝนทางจิตวิญญาณ เพื่อก่อให้เกิดการตระหนักรู้ในคุณค่า ความดีงามของการดำรงอยู่ของธรรมชาติ เพื่อให้เห็น/สร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง เราเปิดรับและส่งเสริมการฝึกฝนตนเองในทางจิตวิญญาณด้วยวิธีการใดๆ ก็แล้วแต่ที่ไม่รุ่นแรงและเป็นอันตรายต่อตัวเองและผู้อื่น และเป็นการฝึกฝนเพื่อสร้างสติ การตระหนักรู้ในตนเอง ผู้อื่น และธรรมชาติ วิถีการฝึกฝนตนแบบต่างๆ ที่สมาชิกในชุมชนได้ฝึกฝนกันตามความถนัดของตนมีทั้ง โยคะ สมาธิภาวนา การเคลื่อนไหวประกอบดนตรี ศิลปะการต่อสู้แบบไท่ฉี หรือกังฟู การเชื่อมโยงกับโลกจิตวิญญาณผ่านวิถีชาแมนิส(Shamanism) การภาวนาแบบเซน เป็นต้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมบรรยากาศที่เอื้อต่อการฝึกฝนพัฒนาตนเองในทางจิตวิญญาณ เราออกแบบวิถีปฏิบัติร่วมกันที่เป็นแนวทางร่วมกันของพวกเราในท่ามกลางความหลากหลายเฉพาะของแต่ละคน วิถีปฏิบัติร่วมของพวกเราคือ การพิจารณาอาหารก่อนทานอาหารทุกครั้งเพื่อย้ำเตือนให้เราระลึกถึงคุณค่าของธรรมชาติและระบบชีวิตที่เกื้อกูลเชื่อมโยงกันและเป็นที่มาของอาหารนั้น นอกจากนั้นแล้วในทุกๆ วันก่อนเริ่มต้นวันใหม่ หรือก่อนเริ่มการประชุมพูดคุยกัน เราก็มีการตั้งสติและตั้งจิตอธิฐานเพื่อให้เกิดสิ่งดีๆ และการเรียนรู้เกิดขึ้นในทุกวันๆ เรามีการนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมร่วมกันวันละสองครั้ง เช้า และค่ำ นอกจากนั้นแล้วทุกสัปดาห์เรามีวงเปิดใจและร่วมละลึกถึงสิ่งดีงามหรือการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นกับเราในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเป็นการบ่มเพาะความรู้สึกรู้คุณ ความรู้สึกอ่อนน้อมถ่อมตน เห็นความเชื่อมโยงของสรรพสิ่งและเห็นคุณค่าของชีวิต
ที่อาศรมธรรมชาติเราเชื่อเรื่องความสมดุล เราพยายามออกแบบวิถีชีวิตของเราในแต่ละวันให้มีความสมดุลระหว่างการทำงานใช้แรง การใช้สมอง การใช้หัวใจ และจิตวิญญาณ เราจึงออกแบบวิถีชีวิตประจำวันของเราดังที่เห็นข้างล่างนี้ ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อยตามฤดูกาล